สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)
เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกับไทยทั้งในเชิงประวัติศาสตร์ ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ เชื้อชาติ ศาสนา ภาษา และวัฒนธรรม มีเขตแดนติดต่อกับไทยทั้งทางบกและทางน้ำเป็นแนวยาวถึง 1,810 กิโลเมตร
ความหมายของธงชาติลาว
-สีแดง หมายถึง เลือดแห่งการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของชาวลาว
-สีน้ำเงิน หมายถึง ความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ของชาติ
พระจันทร์สีขาว เป็นสัญลักษณ์ของดวงจันทร์ลอยเด่นเหนือลำน้ำโขง และหมายถึงเอกภาพของชาติภายใต้การปกครองของรัฐบาลพรรคประชาชนปฏิวัติ ลาว (พรรคคอมมิวนิสต์ลาว) หรือหมายถึงการกลับมารวมกันอีกครั้งของชาวลาวสองฝั่งโขง
เมืองหลวงของลาว
เวียงจันทน์ (Vientiane) เมืองหลวงของลาว หรือ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เป็นเมืองที่สำคัญและใหญ่ที่สุดของประเทศ ตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศลาวใกล้กับจังหวัดหนองคายของประเทศไทยและเป็นหนึ่งในเมืองหลวงอาเซียนในปัจจุบัน โดยเวียงจันทน์มีพรมแดนติดกับภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
สกุลเงิน
เงินตราของสปป.ลาว เรียกว่า เงินกีบ แต่การชำระค่าสินค้านิยมใช้เงินดอลลาร์สหรัฐธนาคารแห่งสปป.ลาว เป็นผู้รับผิดชอบพิมพ์เงินตราออกใช้มีธนบัตรใบละ 20,000,10,000,5,000,2,000,
1,000,500,100,50,20,10,5และ 1 กีบ ส่วนเหรียญมี 50 และ 10 อัด
1 กีบ= 100 อัด
ชุดประจำชาติ
หญิง : นุ่งผ้าซิ่นและใส่เสื้อแขนยาวทรงกระบอก
ชาย : มักแต่งกายแบบสากล หรือนุ่งโจงกระเบน สวมเสื้อชั้นนอกกระดุมเจ็ดเม็ด คล้ายเสื้อพระราชทานของไทย
ดอกไม้ประจำชาติ
ดอกจำปาลาว คนไทยรู้จักกันดีในชื่อ ดอกลีลาวดี หรือ ดอกลั่นทม โดยดอกจำปาลาวมักมีสีสันหลากหลาย ไม่เฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นเพียงสีขาวเท่านั้น เช่น สีชมพู สีเหลือง สีแดง หรือสีโทนอ่อนต่าง ๆ โดยดอกจำปาลาวนั้นเป็นตัวแทนของความสุขและความจริงใจ จึงนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อประดับประดาในงานพิธีต่าง ๆ รวมทั้งใช้เป็นพวงมาลัยเพื่อรับแขกอีกด้วย
สัตว์ประจำชาติ
ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติประเทศลาว ช้างถือเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองที่มีความผูกพันกับชาวลาวเป็นอย่างยิ่ง ในอดีตลาวได้รับการเรียกขานว่าเป็นเมืองล้านช้าง แต่ปัจจุบันประชากรช้างในลาวอยู่ในภาวะวิกฤต รัฐบาลลาวจึงได้ฟื้นฟูและอนุรักษ์ช้างลาวไว้ โดยการจัดงานบุญช้างขึ้นเป็นประจำทุกปี
ประเพณีที่สำคัญ
ประเพณีวันสงกรานต์ (บุญปีใหม่ลาว)
ชาวลาวถือวันสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่เช่นเดียวกับไทย มีการจัดงานติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน โดยวันแรกของงานเรียกว่า “วันสังขารล่อง” จะมีพิธีตามประเพณี มีงานบายศรีสู่ขวัญ งานก่อพระธาตุทราย มีการแข่งขันกีฬาพื้นเมืองและจุดบั้งไฟ วันที่สองเรียกว่า “วันสังขารเนา” จะมีการแห่ขบวนของนางสังขาร (เทียบได้กับเทพีสงกรานต์บ้านเรา) และวันสุดท้ายเรียกว่า “วันสังขารขึ้น” ชาวลาวถือว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ จะพากันไปทำบุญตักบาตร ไหว้พระและเฉลิมฉลองกันตามประเพณี
ประเพณีบุญห่อข้าวประดับดิน
จัดขึ้นในวันแรม 14 ค่ำ เดือน 9 เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ดวงวิญญาณบรรพบุรุษและวิญญาณไร้ญาติทั้งหลาย ชาวบ้านจะทำข้าวต้มมัดใส่กล้วยห่อใบตองเพื่อใส่บาตรในตอนเช้ามืด นำอาหารคาวหวาน ผลไม้ บุหรี่ หมาก พลู ใส่ลงในกรวยใบตองไปวางตามพื้นดินหรือใต้ต้นไม้บริเวณรั้วบ้าน รั้ววัด หรือตามทางแยก เพื่อเป็นทานแก่ผีไร้ญาติ ที่ต้องทำพิธีตอนเช้ามืดเพราะมีความเชื่อว่า ผีสางจะได้กินอาหารก่อนแสงแดดส่อง พอรุ่งเช้าชาวบ้านจึงค่อยตักบาตรแล้ว อุทิศส่วนกุศลไปให้บรรพบุรุษ
ประเพณีบุญบั้งไฟ
จัดขึ้นในช่วงเดือน 6 เป็นประเพณีขอฝนให้ตกต้องตามฤดูกาลของชาวลาว โดยการจุดบั้งไฟเพื่อขอฝนจากพญาแถน ซึ่งเป็นเจ้าแห่งฟ้าฝน และยังเป็นสัญญาณว่าฤดูทำนากำลังจะเริ่มต้นขึ้นด้วย
ประเพณีไหลเรือไฟ
ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือวันออกพรรษา ในวันนี้ชาวลาวจะตักบาตรเทโว กวนข้าวทิพย์ ถวายผ้าจำนำพรรษาและปราสาทผึ้ง (นำไม้ไผ่มาสานเป็นรูปปราสาท ตกแต่งให้สวยงาม แล้วแห่ไปถวายพระเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ) แล้วตกค่ำจึงมีการประดิษฐ์เรือประดับไฟล่องไปตามแม่น้ำ
ที่เมืองหลวงพระบางจะมีประเพณีไหลเรือไฟและลอยกระทงในแม่น้ำคาน ส่วนที่เมืองเวียงจันทน์จะมีการ “ส่วงเฮือ” หรือ แข่งเรือพายในตอนกลางคืน โดยชาวลาวจะแข่งกันตกแต่งเรือด้วยเทียน ตะเกียง และใส่ดอกไม้ ธูป เทียน ขนม เงิน ติดธงอย่างสวยงาม เพื่อเป็นการต้อนรับพระพุทธเจ้าที่เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และเป็นการบูชาพญานาคที่เชื่อกันว่าจะปรากฏในรูปของลูกไฟ (ทางอีสานเราเรียกว่า บั้งไฟพญานาค)
ข้อควรรู้
-ติดต่อราชการต้องนุ่งซิ่น เพราะชาวยังเคร่งครัดในเรื่องวัฒนธรรมอันดีงามของการเเต่งกาย
-ห้ามซื้อน้ำหอมให้กัน เพราะคนลาวเชื่อว่าถ้าเป็นเเฟนกันเเล้วซื้อน้ำหอมให้กันจะเลิกกัน ถ้าเป็นเพื่อนกันจะเกลียดกัน
-ถ้าเพื่อนชาวลาวเชิญไปพักที่บ้านห้ามให้เงิน เพราะถือว่าไม่ให้เกียรติกัน
แหล่งท่องเที่ยว
1. วัดเชียงทอง, หลวงพระบาง
เริ่มกันทีวัดเชียงทองสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องมาเยือนเมือมาถึงหลวงพระบาง เป็นวัดที่สำคัญและสวยงามที่สุดของเมืองเล็กๆ แห่งนี้ วัดเชียงทองเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบางมาหลายร้อยปี ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ภายในอุโบสถ วิหารและอาคารต่างๆ บริเวณวัด จะตกแต่งอย่างสวยงามมากด้วยลวดลายแกะสลักต่างๆ ถือเป็นหนึ่งในสุดยอดสถาปัตยกรรมลาวล้านช้าง
ค่าเข้าชม: 20,000 กีบ (ประมาณ 80 บาท)
เวลาเปิด-ปิด: 6.00 - 17.30 น.
2. น้ำตกตาดกวางสี, หลวงพระบาง
น้ำตกหินปูน สูง 4 ชั้นหรือราว 70 เมตร น้ำตกและแอ่งน้ำสีเขียวมรกตถูกรายล้อมด้วยป่าไม้แห่งนี้ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติยอดนิยมของหลวงพระบาง ใช้เวลาเดินทางเข้าสู่น้ำตกตาดกวางสีราว 45 นาที ที่นี่มีกิจกรรมให้ทำหลายอย่าง ใครอยากลงเล่นน้ำก็มีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้บริการ บริเวณด้านล่างน้ำตกมีสะพานและเส้นทางเดินชมวิวอีกด้วย
ค่าเข้าชม: 10,000 กีบ (ประมาณ 40 บาท)
เวลาเปิด-ปิด: 6.00 - 17.30 น.
3. แม่น้ำซอง, วังเวียง
วังเวียงเป็นเมืองที่ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติ ทั้งภูเขาน้อยใหญ่และแม่น้ำที่ไหลผ่านเมือง มีทิวทัศน์ที่สวยงามจนได้รับฉายาว่า "กุ้ยหลินเมืองลาว" แม่น้ำสายสำคัญของเมืองนี้ก็คือแม่น้ำซอง ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวยอดนิยมของเมือง มีกิจกรรมทางน้ำให้ทำหลายอย่างมาก เช่น พายเรือคายัค ล่องห่วงยาง เป็นกิจกรรมที่จะทำให้เราสามารถชมวิวแม่น้ำซองได้อย่างใกล้ชิด
ค่าเข้าชม: ไม่มีค่าเข้าชม แต่หากทำกิจกรรมล่องห่วงยาง ค่าใช้จ่ายประมาณ 115,000 กีบ
เวลาเปิด-ปิด: -
4. ถ้ำกองลอ, คำม่วน
ถ้ำกองลอหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามของลาว และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของคำม่วนด้วยเช่นกัน ถ้ำลอดความยาวกว่า 7 กิโลเมตรนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนไม่ขาดสายโดยเฉพาะช่วงวันหยุดคนจะเยอะเป็นพิเศษ นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือรับจ้างจากปากถ้ำทะลุผ่านไปอีกฝั่งของถ้ำได้ ระหว่างทางจะมีจุดให้ได้แวะชมความสวยงามของโถงถ้ำที่มีหินงอกหินย้อย
ค่าเข้าชม: 5,000 กีบ (ประมาณ 20 บาท) และค่าเช่าเรือราคาประมาณ 100,000 กีบ (ประมาณ 400 บาท)
เวลาเปิด-ปิด: -
5. ทุ่งไหหิน, เชียงขวาง
ทุ่งไหหิน อยู่ที่เมืองโพนสะหวัน แขวงเชียงขวาง เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทางประวัติศาสตร์และวัฒธรรมที่สำคัญของเมือง ไหหินมากมายที่ตั้งเรียงรายอยู่บนเนินเขาส่วนใหญ่สกัดมาจากหินทราย ภายในไหบางไหพบโครงกระดูกมนุษย์ บางไหพบลูกปัดจากจีน เครื่องประดับชนเผ่า และ รูปสำริด ตอนนี้จึงยังไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปอย่างแน่ชัดของไหหินเหล่านี้ แต่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาด
ค่าเข้าชม: 10,000 กีบ (ประมาณ 40 บาท)
เวลาเปิด-ปิด: 6.00 - 17.30 น.
6. พระธาตุหลวง เวียงจันทน์
พระธาตุหลวงตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประตูชัย หากไปเที่ยวเวียงจันทน์ต้องไม่พลาดไปเยี่ยมชมพระธาตุหลวง หรืออีกชื่อว่า พระเจดีย์โลกะจุฬามณี ปูชนียสถานอันสำคัญอายุนับพันปี ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ศิลปะและวัฒนธรรมของลาว
ค่าเข้าชม: 5,000 กีบ (ประมาณ 20 บาท)
เวลาเปิด-ปิด: 8.00 - 17.00 น.
7. ประตูชัย, เวียงจันทน์
ปะตูไซอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของนครหลวงเวียงจันทน์ เป็นอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงประชาชนชาวลาวผู้เสียสละชีวิตในสงครามก่อนหน้าการปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์ ลักษณะสถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลของประตูชัยในปารีส ประเทศฝรั่งเศส บริเวณโดยรอบมีลานจัดการแสดงน้ำพุประกอบดนตรีและสวนปะตูไซ
ค่าเข้าชม: 2,000 กีบ (ประมาณ 10 บาท)
เวลาเปิด-ปิด: 8.00 - 17.00 น.
8. น้ำตกคอนพะเพ็ง, จำปาสัก
น้ำตกคอนพะเพ็งเป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเขตแม่น้ำโขงตอนล่าง อีกทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามขึ้นชื่อมากแห่งหนึ่งของประเทศลาว พูดได้ว่าใครมาเที่ยวลาวใต้ต้องไปชมความยิ่งใหญ่ของน้ำตกคอนพะเพ็งสักครั้ง หากเดินไปชมวิวบริเวณศาลาไม้ที่สร้างไว้เหนือบริเวณที่กระแสน้ำไหลลงมารวมตัวกัน จะเห็นภาพน้ำตกอันยิ่งใหญ่ได้ชัดเจนที่สุด หากเห็นภาพละอองน้ำสีขาวซัดแนวโขดหินให้หลีกเลี่ยงไปเที่ยวช่วงหน้าฝน เพราะหน้าฝนจะน้ำหลากจนแทบไม่เห็นแนวโขดหินและน้ำจะเปลี่ยนเป็นสีส้มแดงอีกด้วย
ค่าเข้าชม: 55,000 กีบ (ประมาณ 220 บาท)
เวลาเปิด-ปิด: 8.00-17.00 น.
9. ปราสาทวัดพู, จำปาสัก
ปราสาทวัดพูได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งที่สองของประเทศลาว ปราสาทหินเก่าแก่แห่งนี้เป็นโบราณสถานที่ตั้งเด่นอยู่บนเนินเขาภู ที่นี่เคยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแหล่งอารยธรรมโบราณถึง 3 สมัยด้วยกัน คือ อาณาจักรเจนละ อาณาจักรขอม และสุดท้ายอาณาจักรล้านช้าง
ค่าเข้าชม: 50,000 กีบ (ประมาณ 200 บาท)
เวลาเปิด-ปิด: 8:00-17:00 น.
10. แก่งหลี่ผี, จำปาสัก
แก่งหลี่ผีหรือน้ำตกหลี่ผี เป็นอีกสถานที่เที่ยวยอดฮิตในลาวใต้ น้ำตกตั้งอยู่ในเขตดอนคอนไม่ไกลจากคอนพะเพ็งมากนัก ช่วงที่เหมาะแก่การเที่ยวชมคือช่วงกันยายน - ธันวาคม เพราะจะได้เห็นภาพสายน้ำจำนวนมากไหลผ่านโขดหินลงมาจนแตกเป็นละอองสีขาวไปทั่วแก่ง
ค่าเข้าชม: 35,000 กีบ (ประมาณ 150 บาท)
เวลาเปิด-ปิด: 8.00-17.00 น.
การศึกษา
ระบบการศึกษา
การศึกษาในประเทศลาวนั้นจัดระบบการศึกษาเริ่มตั้งแต่ระดับอนุบาลและ ก่อนวัยเรียน โดยโรงเรียนในประเทศลาวมีทั้งโรงเรียนของรัฐบาลและเอกชน เปิดรับนักเรียนเมื่ออายุ 3 ถึง 6 ปี ใช้เวลาเรียน 3 ปี มีระดับชั้นอนุบาล 1 ถึง ระดับชั้นอนุบาล 3 เมื่อจบจากระดับชั้นอนุบาลก็เลื่อนชั้นไปเรียนระดับชั้นประถมศึกษาต่อไป อัตราการรู้หนังสือในประเทศลาวใน พ.ศ. 2548 อยู่ที่ 73% (83% ชาย และ 63% หญิง)
ระดับการศึกษา
-ประถมศึกษา ระดับประถมศึกษาในประเทศลาวใช้เวลาเรียน 5 ปี เด็กจะเริ่มเข้าเรียนเมื่ออายุ 6 ปี การศึกษาในระดับนี้ถือเป็นการศึกษาภาคบังคับของประเทศลาว
-มัธยมศึกษาตอนต้น ใช้เวลาในการศึกษา 3 ปี และอยู่ในช่วงที่พัฒนาการศึกษาโดยจะเน้นให้เด็กได้เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมมากขึ้น
มัธยมศึกษาตอนปลาย ใช้เวลาในการศึกษา 3 ปี
-อุดมศึกษา รวมถึงการศึกษาด้านเทคนิค สถาบันการศึกษาชั้นสูงหรือมหาวิทยาลัย ซึ่งอยู่ในความดูแลและรับผิดชอบของกรมอาชีวศึกษาและมหาวิทยาลัย กระทรวงศึกษาธิการ ยกเว้นการศึกษาเฉพาะทางซึ่งอยู่ในความดูแลของกระทรวงอื่น โดยเมื่อเด็กจบการศึกษาในระดับประถมและมัธยมศึกษาแล้ว จะมีการคัดเลือกนักเรียนเพื่อเสนอกระทรวงศึกษาธิการให้เด็กได้เข้าศึกษาต่อ ในระดับที่สูงขึ้น
-สายอาชีพ ใช้เวลาศึกษา 3 ปี ในวิทยาลัยเทคนิคต่างๆ เช่น ทางด้านไฟฟ้า ก่อสร้าง บัญชี ป่าไม้ เป็นต้น